@333gallerygroup จัดแสดงนิทรรศการ “Tapestry of Life” โดยรวิชญ์ เทิดวงส์ ซึ่งเป็นเหมือนการบันทึกรวบรวมเรื่องราว อารมณ์และความรู้สึกในแต่ละวันของตัวศิลปินผ่านงานศิลปะแบบนามธรรมที่ไร้รูปทรง ไร้แบบแผนและกฎเกณฑ์ . จากประสบการ์ณการใช้ชีวิต การตกผลึกทางความคิดและตัวตนในช่วงเวลาที่ผ่านมาของตัวศิลปินเองนั้น ทำให้ค้นพบว่าท้ายที่สุดเแล้ว ตัวตนที่แท้จริงอาจเกิดจากการปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ ที่ไม่ต้องไปกำหนดและควบคุมใดๆ เพียงแต่เฝ้าดู คอยเลือกและตัดสินใจ . เช่นเดียวกันกับกระบวนการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ ที่ศิลปินมีความเชื่อว่าเขามีหน้าที่ในการ ‘สร้างเหตุ’ให้เกิดขึ้น และปล่อยให้อารมณ์และความรู้สึกในขณะนั้นพาเข้าสู่สภาวะลื่นไหลหรือ flow state เกิดเป็นปรากฎการ์ณการซ้อนทับของสีและพื้นผิวที่มีความเฉพาะตัวของแต่ละชิ้นงานและกลายเป็นความงามที่ไม่ได้คาดการ์ณไว้ล่วงหน้าในที่สุด ซึ่งผู้ที่จะสามารถ ‘จบเหตุ’ หรือบอกได้ว่างานแต่ละชิ้นนั้นเสร็จสมบูรณ์หรือไม่ มีเพียงตัวผู้สร้างสรรค์ผลงานแต่เพียงผู้เดียว . “Tapestry of Life” is a compilation of the artist’s day-to-day experiences, emotions, and feelings expressed via abstract art devoid of shape, structure, and rules.
Tag: ArtAsia
อัตตา แกลเลอรี่ มีความยินดีนำเสนองานนิทรรศการเดี่ยวร่วมกันของสองศิลปินต่างชาติ ต่างภาษา ต่างวัย ที่มีการนำเสนองานเครื่องประดับศิลป์ร่วมสมัย และ object art โดย จิโร่ คามาตะ และ งานภาพถ่ายโดย ชลัช กาญจนรัตนากรในนิทรรศการ “Three worlds: Through the lens” . ATTA Gallery is pleased to present “THREE WORLDS: Through the Lens”, a joint solo exhibition of contemporary art jewelry and object arts by Jiro Kamata and photography by Chalat Kanjanaratanakorn. . 📍 ATTA
@AttaGalleryBKK นำเสนองานนิทรรศการเครื่องประดับศิลป์ร่วมสมัยจากประเทศนอร์เวย์ 3 งาน โดยศิลปิน Sigurd Bronger, Runa Vethal Stølen และ Reinhold Ziegler ภายใต้ชื่อเดียวคือ and then there were three นิทรรศการนี้ได้รับการสนับสนุนจาก Norwegian Crafts อีกด้วยนะ . งานเปิดนิทรรศการจะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน 2565 ระหว่าง เวลา 18:00 – 20:00 น. โดยศิลปินสองในสามคือ Sigurd Bronger และ Runa Vethal Stølen จะเดินทางมาร่วมงานเปิดนิทรรศการเพื่อพูดคุยกับแขกที่เข้าชมงาน . ATTA Gallery tag teams with three artists from Norway—Sigurd Bronger, Runa Vethal
นิทรรศการ DUEL/ดวล แทน โฆษิตพิพัฒน์ – ปิยทัต เหมทัต DUEL/ดวล นิทรรศการแสดงผลงานคู่ของปิยทัต เหมทัตและแทน โฆษิตพิพัฒน์ถือเป็นการรวมตัวกันของศิลปินสองรุ่นที่มีความชอบและหลงไหลในอาวุธปืนเหมือนกัน โดยเราจะได้เห็นมุมมองการเล่าเรื่องของสิ่งที่โดยทั่วไปแล้วถูกมองว่าเป็นของต้องห้าม อันตราย ก่อให้เกิดความรุนแรงและนำมาซึ่งความเศร้าโศกและการสูญเสียผ่านการทำงานศิลปะที่แตกต่างกันของศิลปินทั้งสอง นิทรรศการ DUEL/ดวลประกอบไปด้วย 2 โปรเจคโดยสองศิลปิน โดยผลงานชุด Bullistics ของปิยทัต เหมทัตเป็นโปรเจคที่มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2018 โดยระหว่างระยะเวลา 4 ปีมานี้ ปิยทัตได้มีการศึกษา ทดลอง ลองผิดถูกไปพร้อมๆกับการสร้างสรรค์ชิ้นงานแต่ละชิ้น ในชุดผลงานนี้ประกอบไปด้วยภาพถ่าย ประติมากรรมและภาพเคลื่อนไหวที่แสดงให้เห็นถึงด้านของความงดงามที่มาพร้อมกับอนุภาคของการทำลายล้างของอาวุธปืน ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์รูปทรงของปืนที่มีลักษณะความสวยงามแบบเฉพาะตัวแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่น ความงดงามที่เกิดขึ้นหลังจากเกิดการเหนี่ยวไกปืนที่ไม่มีใครมีโอกาสได้เห็นหรือความงดงามที่มาพร้อมกับความรุนแรงของอนุภาคการทำลายล้างที่เกิดขึ้นเมื่อกระสุนปะทะกับวัตถุ…หรือร่างกายของมนุษย์ ในส่วนของ Hollow Point โดยแทน โฆษิตพิพัฒน์ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากความเข้าใจของคนส่วนมากในสังคมที่ว่าปืนเป็นสิ่งถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำลาย โดยเป็นโปรเจคที่แทนตั้งใจนำเอาวัสดุและองค์ประกอบของปืนมาสรรค์สร้างจนเกิดเป็นงานศิลปะเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้คนได้มีความใกล้ชิดและสัมผัสกับอาวุธปืนมากขึ้น แทนนำเสนอผลงานควบคู่ไปกับเรื่องของชีวิต การกำเนิด และการเติบโตซึ่งเป็นเรื่องที่มีความขัดแย้งกับภาพลักษณ์ของอาวุธปืนอย่างสิ้นเชิง สำหรับการทำนิทรรศการคู่ร่วมกันของปิยทัตและแทนในครั้งนี้ มีจุดเริ่มต้นมาจากความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นที่มีมาอย่างยาวนานของครอบครัวของทั้งคู่ ความสัมพันธ์ของแทนและปิยทัตนั้นอาจถือได้ว่าเป็นเพื่อนต่างรุ่นแต่ด้วยความชอบและความหลงไหลในปืนที่มีเหมือนกันของทั้งสองทำให้มีโอกาสได้ใช้เวลาแลกเปลี่ยนมุมมอง แบ่งปันความรู้และประสบการ์ณเกี่ยวกับเรื่องของปืนแก่กันและนำความชอบมาพัฒนาจนเกิดมาเป็นผลงานศิลปะในแบบเฉพาะตัวของแต่ละคนโดยมีจุดประสงค์ร่วมกันคือต้องการแสดงให้เห็นถึงมุมอีกมุมที่ผู้คนอาจไม่มีโอกาสได้เห็นหรือรู้จักมากนักของอาวุธปืน . DUEL Duo Exhibition by Tan Kositpipat &
ออรัม แกลเลอรี ได้รับเกียรติในการเปิดตัวนิทรรศการ “Shattered” โดยไซมอน เบอร์เกอร์ (Simon Berger) ศิลปินร่วมสมัยชาวสวิสผู้สร้างสรรค์งานจากกระจก ซึ่งงานนี้นับเป็นทั้งนิทรรศการศิลปินเดี่ยวครั้งแรกของแกลเลอรีและเป็นการเปิดตัวของศิลปินครั้งแรกในเอเชีย ที่จะนำเสนอผลงานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาจัดแสดงกว่า 30 ชิ้น จากการสร้างงานศิลปะแห่งท้องถนนที่ได้รับแรงบันดาลใจจากแผ่นไม้และเศษเหล็ก สู่วิธีสร้างสรรค์ผลงานอันเป็นเอกลักษณ์ที่มีจุดเริ่มต้นจากการลองใช้กระจกรถยนต์ เกิดเป็นเทคนิคเฉพาะตัวที่เขาตั้งชื่อว่า ‘มอร์โฟเจเนสิส’ (Morphogenegsis) ถ่ายทอดความชื่นชอบในใบหน้าผู้คน ผ่านการสร้างรอยแตกบนกระจก เล่นกับแสงและความโปร่งใส ดึงสายตาของผู้ชมสู่แขนงรอยแตกร้าวนับร้อยที่พาดผ่านไปมา ด้วยรูปแบบศิลปะที่แหวกขนบอย่างเห็นได้ชัด ผลงานของไซม่อน เบอร์เกอร์ ได้สะท้อนแนวคิดตาม ‘ทฤษฎีหน้าต่างแตก’ กระจกที่แตกจากการทุบเป็นเพียงสื่อกลางให้แสงสะท้อน ในขณะที่ค้อนไม่ได้นํามาใช้เพื่อทำลาย แต่เป็นอุปกรณ์ที่ทำให้แสงสะท้อนนั้นเด่นชัดขึ้น ‘ความวุ่นวายนั้นไม่ได้นำไปสู่อาชญากรรมเสมอไป หากแต่ความวุ่นวายยังสามารถเป็นอาณาจักรแห่งแสงสว่าง เป็นเรื่องของความหวัง ที่สุดท้ายแสงจะเผยให้เห็นจากการทุบให้แตกออก’ . Aurum Gallery is extremely privileged to announce our first solo artist exhibition with ‘Shattered’ by Swiss contemporary glass artist Simon
นิทรรศการ “Modern Charade” ผลงานโดย จิตรการ แก้วถิ่นคอย (Jittagarn Kaewtinkoy) จัดแสดงระหว่างวันที่ 11 – 29 มิถุนายน 2565 และจะมีพิธีเปิดในวันที่ 11 มิถุนายน 2565 เวลา 18.00 น. ณ 333Anywhere โกดัง 5 . ปฏิเสธไม่ได้ว่าในบริบทของสังคมไทยนั้นเป็นสังคมที่ให้คุณค่าและความสำคัญกับศาสนาเป็นอย่างมากจนทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับศาสนาเป็นสิ่งที่แทบจะไม่สามารถแยกออกจากกันได้ ก่อให้เกิดความเชื่อ ความศรัทธา หล่อหลอมเป็นมายาคติที่ฝังรากลึก และครอบงำสังคมไทยไว้กายใต้การจัดการอำนาจอย่างเป็นระบบของรัฐไม่ว่าจะผ่านไปกี่ทศวรรษ . หากแต่ความจริงนั้น เมื่อมองย้อนกลับไปและศึกษาประวัติศาสตร์ในเชิงลึกจะพบว่าแท้จริงแล้ว ความเชื่อ ความศรัทธาของผู้คนบนผืนแผ่นดินนี้ เดิมทีนั้นมีการนับถือ ‘ศาสนาผี’ (วิญญาณนิยม) หรืออาจเรียกได้ว่านิยมนับถือบูชาสิ่งลี้ลับ เหนือธรรมชาติ . ต่อมาชนชั้นปกครองได้สร้างรัฐในอุดมคติโดยหยิบยก ยึดกุม การตีความทางศาสนาขึ้นมาใหม่ มีการกำหนดกรอบศีลธรรมอันดีงาม นิยามจารีตประเพณี ตลอดจนพิธีกรรมประดิษฐ์ ถือกำเนินตำนานโรงลิเกแห่งเมืองพุทธขึ้น เกิดเป็นสังคมที่ก้อนหินเปรียบเสมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์และผู้คนถูกปลูกฝังให้เคารพสักการะวัตถุเหล่านี้ดั่งเป็นสมมุติเทพที่อยู่เหนือเสรีภาพของความเป็นมนุษย์ กดทับผู้คนและสังคม ย้อนแย้งกับโลกสมัยใหม่ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องสิทธิเสรีภาพของความเป็นมนุษย์และความเท่าเทียม . และไม่ว่าจะผ่านมาแล้วกี่ทศวรรษ กี่สมัย
“Cry me a river” นิทรรศการจัดแสดงผลงานเดี่ยวครั้งแรกของศิลปิน ‘Crybaby Molly’ หรือ Nisa Srikumdee ที่จะมาพร้อมคาร์แร็กเตอร์สุดน่ารักที่มีใบหน้าร้องไห้ ซึ่งจะนำมาจัดแสดงให้พวกเราชมกันในเดือนนี้อยู่ที่แกลเลอรี 333Anywhere โกดังหมายเลข 5 . “Cry me a river”, the first solo exhibition by artist ‘Crybaby Molly’ or Nisa Srikumdee, will be featuring Molly’s signature cute characters with their pouts and tears! The exhibiion will be displayed for us this month at Gallery 333Anywhere,
นิทรรศการ “COPENHAGEN ReARRANGED” ที่ @attagallerybkk เป็นการจัดแสดงผลงานที่ออกแบบโดยศิลปินหญิงชาวเดนมาร์ก 9 คน แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายและการร่วมมือกัน สะท้อนถึงวัฒนธรรมของคนเดนมาร์กที่เน้นความไว้เนื้อเชื่อใจและความเป็นหนึ่งเดียวกันในการสร้างสังคมที่แข็งแรง โดยไม่ทิ้งความสร้างสรรค์และความสามารถเฉพาะตัวของแต่ละคน . ลองมาดูผลงานจริงของศิลปินหญิงทั้ง9คน ได้แก่ Kaori Juzu, Malene Kastalje, Mari Keto, Nanna Obel, Helen Clara Hemsley, Trine Trier, Janna Krogh Hansen, Marie-Louise Kristensen และ Annette Dam ได้ตั้งแต่ วันพรุ่งนี้ที่ @attagallerybkk ในโครงการ Waerhouse30 . The exhibition “COPENHAGEN ReARRANGED” will be showing the work of 9 Danish artists who were given the challenge
ผลงานประติมากรรมกระดาษเสือสองชิ้นของPaper Artist รักษิต บุญนาค @raksit_paperproject ที่ยังคงจัดแสดงอยู่ตอนนี้ที่แกลเลอรี ATTA Gallery ในโครงการ Warehouse30 ลองแวะมาชมศิลปะกระดาษ ที่ใช้จินตนาการ ความหลงใหล และทักษะการตัด ต่อ ปะ ติด ขึ้นรูปให้มิติและความหมายใหม่แก่กระดาษอย่างน่าทึ่ง ……………………….. Paper Artist, Raksit Bunnag @raksit_paperproject uses imagination, passion and skill to give a dramatic new dimension and meaning to paper. His two paper tiger sculptures are still on display at ATTA Gallery in Warehouse30 project. Stop by to check out
@333Anywhere จัดแสดงนิทรรศการ Love in 3020 – Chapter: It’s gonna be ok. โดย นทีพล เจริญธุระยนต์ @nateepol เป็นจุดเร่ิมต้นของการเดินทางสู่ “Love in 3020” หรือความรักในอีก หน่ึงพันปี ข้างหน้าของตัวศิลปิน ที่จะต้องผ่านเรื่องราวมากมาย ทั้งความทกุข์ ความสุข ความสมหวังและความผิดหวัง . ในผลงานชุดน้ี ศิลปินต้องการที่จะส่งกำลังใจในการก้าวผ่านเรื่องราวต่างๆในชีวิตด้วย ความหวัง ความยึดมั่นในตัวตนและสิ่งที่รัก ความกล้าและมั่นใจที่เป็นตัวเอง ท่ามกลาง สถานการณ์ของสังคมที่บางคร้ังดูเหมือนจะสิ้นหวังและเต็ม ไปด้วยความวุ่นวาย ผ่านท่าทางโอบ กอดและปลอบโยนของคาแรคเตอร์บนภาพพิมพ์แกะไม้ ที่มีความหลากหลาย ที่มองผิวเผินอาจจะเต็มด้วยความสขุ หากแต่เป็นความสุขที่เกิดจากการผ่านพ้นความโศกเศร้ามาด้วยความเข้าใจ ………………….. @333Anywhere is now showing Nateepol Charoenthurayont’s solo exhibition, ” Love in 3020 – Chapter: It’s gonna be ok.”